ชีวิตช่วงต้นและชีวิตส่วนตัว ของ พงษ์ศักดิ์เล็ก ศิษย์คนองศักดิ์

ในวัยเด็กพงษ์ศักดิ์เล็กเป็นเพียงเด็กที่ช่วยกิจการของพ่อที่เป็นอู่ซ่อมรถ ได้ขึ้นชกมวยครั้งแรก เมื่ออายุ 11 ขวบ ขณะเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หรือ ป.6 ที่เวทีมวยแถวบ้านเนื่องจากขาดนักมวยขึ้นชก จึงได้ชกแทนได้เงินค่าตัว 100 บาทและได้ชัยชนะอีกด้วย จึงเป็นแนวทางให้เข้าสู่วิถีชีวิตนักมวยอย่างจริงจัง โดยใช้ชื่อในครั้งแรก ๆ ในแบบมวยไทยว่า "มังกรทอง ศิษย์เซียนเมฆ" สั่งสมชื่อเสียงและประสบการณ์ขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งได้มาชกในกรุงเทพมหานคร

พงษ์ศักดิ์เล็กเคยคิดท้อถอยอยากจะเลิกชกหลายครั้ง แต่ได้เทรนเนอร์คอยห้ามปรามไว้ ซึ่งไฟต์ที่เจ้าตัวประทับใจมากที่สุดคือไฟต์ที่ป้องกันตำแหน่งเอาไว้ได้เป็นครั้งที่ 15 เนื่องจากได้ทำลายสถิติเดิมของมิเกล คันโต ที่ทำไว้จนมีชื่อบรรจุเข้าสู่หอเกียรติยศ หรือ Hall of Fame เทียบเท่านักมวยรุ่นพี่ที่มีชื่อเสียงหลายคน

พงษ์ศักดิ์เล็ก มีชื่อเล่นว่า "กร" ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเรียกอย่างติดปากจากแฟนมวยและสื่อมวลชนว่า "เจ้ากร" ถือได้ว่าเป็นนักมวยที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ซึ่งเป็นยุคที่มีนักมวยครองแชมป์ในสถาบันเล็ก ๆ เป็นส่วนใหญ่ ทำให้กีฬามวยสากลอาชีพไม่ได้รับความนิยมอย่างในอดีต แต่พงษ์ศักดิ์เล็กเป็นแชมป์ในสถาบันใหญ่ที่ได้มาตรฐาน อีกทั้งยังทำสถิติการป้องกันตำแหน่งไว้ได้หลายครั้งด้วยกัน และมีเอกลักษณ์ที่เป็นของตัวเองคือ เมื่อขึ้นเวทีจะสวมหมวกไหมพรมสีแดงที่ได้รับการปลุกเสก จาก หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ทุกครั้ง เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ

ในช่วงที่ยังชกมวยอยู่ นอกจากการชกมวยแล้ว พงษ์ศักดิ์เล็กยังมีธุรกิจส่วนตัว คือ น้ำมันนวดแบบสมุนไพรไทยและพิมเสนน้ำ[6]

หลังจากเสียแชมป์โลกในสมัยที่ 2 แล้ว พงษ์ศักดิ์เล็กได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดป่าประชาธรรมนิคม ที่บ้านเกิด เป็นเวลา 19 วัน[7] และเมื่อสึกออกมาแล้วก็ยังจะมุ่งมั่นเป็นแชมป์โลกอีกครั้ง นับเป็นสมัยที่ 3 แม้ว่าอายุจะมากถึง 35 ปีแล้วก็ตาม[8] โดยได้แชมป์อินเตอร์เนชั่นแนลในรุ่นเดียวกัน แต่แล้วก็เสียแชมป์ในปีเดียวกันด้วยการแพ้ทีเคโอ เรย์ เมกริโน นักมวยชาวฟิลิปปินส์ ในยกที่ 3 ที่จังหวัดนครราชสีมา บ้านเกิด ซึ่งหลังการชก ทางฝ่าย "เสี่ยเน้า" วิรัตน์ วชิรรัตนวงศ์ ผู้จัดการได้ปรึกษากับทางผู้สนับสนุนแล้วเห็นว่าต้องการให้พงษ์ศักดิ์เล็กแขวนนวม เนื่องจากอายุมากแล้ว[9][10] แต่ทว่าเนื่องจากเรื่องส่วนตัว คือ พงษ์ศักดิ์เล็กถูกผู้หญิงที่คบหาหลอกจนสูญเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก หลายต่อหลายคน จนแทบไม่เหลือติดตัว จึงตัดสินใจที่จะชกมวยต่อ ด้วยคิดว่าร่างกายของตนเองยังไหวอยู่[11]

พงษ์ศักดิ์เล็กชกมวยมานานกว่า 10 ปี ในสังกัดเพชรยินดีบ็อกซิ่งโปรโมชั่น มีเงินเก็บกว่า 25 ล้านบาท แต่เพราะไม่มีการวางแผนการเก็บเงินที่ดี จึงหมดไม่มีเหลือเลย และเป็นต้นสังกัดที่ต้องให้ความช่วยเหลือ คือ ไถ่ถอนบ้านที่จังหวัดนครราชสีมา ที่พงษ์ศักดิ์เล็กนำไปจำนองไว้กว่า 500,000 บาท ให้ เฉพาะค่าดอกเบี้ยอย่างเดียว พงษ์ศักดิ์เล็กต้องเสียสูงถึงเดือนละ 15,000 บาท

และในที่สุด พงษ์ศักดิ์เล็กได้แขวนนวมไปอย่างแน่นอนเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 โดยประกาศผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ปัจจุบัน พงษ์ศักดิ์เล็กได้อยู่กินกับภรรยาชื่อ "เอิงเอ่ย" มีกิจการส่วนตัว คือ ค้าขายเครื่องยนต์ทางการเกษตรร่วมกับบิดาของภรรยา ที่ตำบลโสกปลาดุก อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ[12]

แหล่งที่มา

WikiPedia: พงษ์ศักดิ์เล็ก ศิษย์คนองศักดิ์ http://boxrec.com/en/boxer/34051 http://m.posttoday.com/articlestory.php?id=185762&... http://www.ringtv.com/blog/1757/weekend_peview_hug... http://www.thairec.com/index.php?option=com_conten... http://www.thering-online.com/ringpages/ratings2.h... http://www.thesweetscience.com/boxing-article/2546... http://sportguru.smmonline.net/news.php?id=24106 http://www.thaipost.net/x-cite-kidz/210712/59917 http://www.dailynews.co.th/thailand/20057 http://www2.manager.co.th/mwebboard/listComment.as...